เหล็กรูปพรรณ คืออะไร

เหล็กรูปพรรณ คืออะไร

การเลือกซื้อเหล็กรูปพรรณ ให้เหมาะกับประเภทของการใช้งาน

 

หากพูดถึงเรื่องของการก่อสร้างไม่ว่าจะเป็น บ้าน คอนโด ที่อยู่อาศัย ตลอดไปจนถึงถนนที่เราใช้งานกันทุกวัน ต่างมีโครงสร้างเป็นแผ่นเหล็กด้วยกันทั้งสิ้น เหล็กถือเป็นวัสดุก่อสร้างเพื่อเพิ่มความแข็งแรงให้กับโครงสร้างต่าง ๆ สามารถรับและทนต่อน้ำหนักได้ วันนี้ บริษัท ไวต้า ธานี จะมาเจาะลึกกันว่า แล้วเหล็กที่ใช้เป็นโครงสร้างต่าง ๆ เหล่านี้ มีกี่ประเภท และในวงการก่อสร้างเขามีศัพท์เทคนิคเรียกเหล็กเหล่านี้ว่าอะไร ในวงการก่อสร้างมักจะเรียกเหล็กที่ใช้เป็นฐานรองรับน้ำหนักโครงสร้างว่า เหล็กรูปพรรณ โดยเหล็กรูปพรรณแต่ละประเภท ก็มีกรรมวิธีการผลิตที่แตกต่างกันออกไปตามวัตถุประสงค์ของการใช้งาน

 

เหล็กรูปพรรณ คือเหล็กอะไร

เหล็กรูปพรรณ ป็นศัพท์ทางเทคนิคในวงการก่อสร้าง เหล็กเหล่านี้จะผ่านกระบวนการผลิตและแปรรูปให้เป็นรูปทรงต่าง ๆ ตามการใช้งาน และเหล็กรูปพรรณเมื่อนำไปดัดแปลงให้เป็นรูปทรงตามการใช้งานแล้ว เหล็กเหล่านี้ต้องได้มาตรฐานอุตสาหกรรมด้วย ยกตัวอย่าง ในประเทศสหรัฐอเมริกา เหล็กรูปพรรณต้องได้รับการรับรองจาก ASTM International ก่อนถึงจะนำมาใช้งานได้ ส่วนในประเทศไทยเหล็กรูปพรรณต่าง ๆ ต้องผ่านการรับรองจาก สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม หรือ สมอ.

 

เหล็กรูปพรรณ มีทั้งหมด 3 ประเภท

  • เหล็กรูปพรรณขึ้นรูปเย็น - คือ เหล็กที่ผ่านกรรมวิธีขึ้นรูปเหล็กในอุณหภูมิปกติ โดยจะใช้วัสดุเป็นเหล็กแผ่นเรียบเอามารีดร้อนและม้วน งอ ให้มีรูปทรงตามที่ต้องการค่ะ เหล็กรูปพรรณรีดเย็นนิยมใช้ตกแต่งงานสถาปัตยกรรมต่างๆ

  • เหล็กรูปพรรณรีดร้อน - หรือเหล็กเพลาขาว คือเหล็กที่มาจากการรีดร้อนที่อุณภูมิ 1,200 องศา เหล็กรีดร้อนเช่น เหล็ก H-Bean, I-Beam, Channel ขั้นตอนจะคล้ายกับการทำเหล็กเส้นกลม ต่างกันนิดเดียวที่เรื่องของคุณสมบัติของเหล็กค่ะ และเหล็กรูปพรรณรีดร้อนมักนิยมใช้เหล็กประเภทนี้ในงานโครงสร้างที่เกี่ยวกับสถาปัตยกรรมค่ะ

  • เหล็กรูปพรรณเชื่อมประกอบ - เกิดจากการนำแผ่นเหล็กที่หนามากกว่า 3 มิลลิเมตร เอามาเชื่อมต่อกันเป็นหน้าตัดขนาดต่างๆ ตามความเหมาะสม การทำเหล็กเชื่อมประกอบนี้ ช่างต้องมีความชำนาญในการเชื่อมเหล็กด้วยค่ะ เพื่อความแข็งแรงทนทานต่อการใช้งาน มักจะใช้ในงาน โครงสร้างอาคาร และขนาดชิ้นส่วนที่มีลักษณะเฉพาะเจาะจง ค่ะ

 

ตัวอย่างของเหล็กรูปพรรณ

  • เหล็กเพลาขาว เป็นเหล็กเพลาที่มาจากการรีดร้อน ผลิตขึ้นจากการนำเหล็กเส้นกลมหรือเหล็กเพลาดำ ไปผ่านกรรมวิธีการดึงเย็นอีกครั้ง ทำให้เหล็กเปลี่ยนจากสีเทาดำเป็นสีเทาเงินๆ จึงเรียกว่า เหล็กเพลาขาว เหล็กเพลาขาวนิยมนำไปใช้เป็นวัตถุดิบในงานอุตสาหกรรม การก่อสร้าง งานเฟอร์นิเจอร์ งานอุตสาหกรรมยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ฯลฯ

  • เหล็กตัวซี เป็นเหล็กรูปพรรณขึ้นรูปเย็น ลักษณะคือ มีหน้าตัดเป็นรูปตัวซี ผิวของเหล็กเรียบ ไม่ขรุขระ ไร้รอยต่อ เหมาะสำหรับงานโครงสร้างทั่วไปที่ไม่ต้องรับน้ำหนักมาก เช่น งานทำโครงหลังคา เสาค้ำยันที่ไม่ต้องรับน้ำหนักมาก เป็นต้น

  • เหล็กฉาก มีมีลักษณะเป็นรูปตัวแอล มีมุมฉากตั้งตรง 90 องศา ทำมาจากเหล็กกล้าตีขึ้นรูปที่มีคุณสมบัติแข็งแรงทนทาน น้ำหนักเบา รับน้ำหนักได้มาก ใช้ในงานโครงสร้างเหล็กต่อมุมแต่ละจุดให้มีความมั่นคงแข็งแรง เช่น ทำชั้นวางของ โครงหลังคาโรงงาน บ้าน อาคาร เสาส่งไฟฟ้าและวิทยุ ป้ายโฆษณา รวมถึงงานตกแต่งผนังทั้งภายในและภายนอกอีกมากมาย

  • ตะแกรงเหล็ก หรือตะแกรงเหล็กฉีก เป็นการนำเหล็กขาว เหล็กดำ สแตนเลส หรือ อะลูมิเนียม มาฉีกหรือดึงถ่างให้เป็นในรูปตาข่ายลายสี่เหลี่ยมขาวหลามตัด ลายหกเลี่ยม หรือรูปคล้ายรังผึ้ง นำไปใช้งานได้หลากหลายรูปแบบและเป็นที่นิยมในงานอุตสาหกรรม งานก่อสร้าง งานออกแบบตกแต่งอาคาร งานเฟอร์นิเจอร์ ตะแกรงเหล็กฉีกมีความแข็งแรงทนทาน และราคาถูกอีกด้วย

  • เหล็ก H Beam เป็นเหล็กรูปพรรณ รีดร้อ เป็นเหล็กรูปตัว H ตั้งตะแคง ลักษณะมุมตัดเป็นฉาก ใช้ในงานทำเสา คานหรือโครงหลังคา อาคารขนาดย่อมๆ รวมถึงงานก่อสร้างขนาดเล็ก เนื่องจากเหล็ก H Beam มีความแข็งแรง รองรับน้ำหนักได้ดี

 

ข้อดีของเหล็กรูปพรรณ

  1. มีความทนทานต่อน้ำหนักสูง เหมาะกับลักษณะโครงสร้างที่มีความยาวและสูง
  2. สามารถนำมาดัด แปรรูป เป็นโครงสร้างต่าง ๆ ตามความต้องการได้
  3. มีความยืดหยุ่น
  4. หากดูแลอย่างถูกต้อง เหล็กรูปพรรณเหล่านี้จะมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน
  5. ก่อสร้างได้ง่าย สามารถใช้ในพื้นที่จำกัดได้ดี
  6. ไม่ก่อให้เกิดมลภาวะ
  7. มีความทนทานต่อแรงสั่นสะเทือน แผ่นดินไหว ได้ดีกว่าโครงสร้างจากวัสดุอื่นๆ
  8. สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้ หรือรื้อออกมาสร้างใหม่ได้

 

ข้อจำกัดของเหล็กรูปพรรณ

เหล็กรูปพรรณ มีกำลังที่ค่อนข้างสูง อาจเกิดการโก่งได้ง่ายในโครงสร้างอาคารขนาดใหญ่ที่ต้องรับน้ำหนักแรงกดทับหรืออัดในระดับสูง
เหล็กรูปพรรณ มีค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาค่อนข้างสูง หากออกแบบมาในลักษณะที่ไม่เหมาะสมกับการใช้งาน อาจเกิดการเสียหายจากการล้าของเหล็กรูปพรรณ

เหล็กรูปพรรณถูกไฟเผาจะทำให้ค่ากำลังของเหล็กลดลง อีกทั้งเหล็กยังเป็นสื่อนำความร้อนที่ดีมาก จึงมีค่าใช้จ่ายในการพ่นสารกันกันไฟ
โครงสร้างเหล็กรูปพรรณอยู่ในพื้นที่ที่มีอุณหภูมิต่ำมากๆ อาจทำให้เหล็กเปราะและแตกหัก

 

การเลือกซื้อเหล็กรูปพรรณ นอกจากจะต้องเลือกให้เหมาะกับประเภทของงานแล้ว ตัวแทนจำหน่ายก็เป็นเรื่องสำคัญเช่นกัน บริษัท ไวต้า ธานี จำกัด ตัวแทนจำหน่ายเหล็กรูปพรรณ เหล็กเส้น ฯลฯ ที่มีมาตรฐาน ได้รับการยอมรับในวงการงานก่อสร้าง มีศูนย์บริการลูกค้าทั่วถึงทั้งภาคกลางและตะวันออก การขนส่งที่รวดเร็ว เหล่านี้เพื่อให้ลูกค้าพึงพอใจในบริการและมั่นใจได้ว่าจะได้ของที่มีมาตรฐานที่ดีที่สุด เพราะรากฐานที่ดีต้องมาจากวัสดุที่ดี หากเลือกใช้วัสดุที่เหมาะกับประเภทของงาน โครงสร้างต่าง ๆ และการใช้งานก็จะใช้ได้นาน  

 

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่
บริษัท ไวต้า ธานี จำกัด
Tel : 094-4122337 (สายด่วน)
E-mail : vita.steel18@gmail.com